000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > บทความ > ปกิณกะ > (เหนือ 3G) มือถือ...เครื่องมือของซาตาน
วันที่ : 19/01/2016
7,416 views

(เหนือ 3G) มือถือ...เครื่องมือของซาตาน

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

ผมไม่ปฏิเสธว่า โทรศัพท์มือถือมีข้อดีไม่ใช่น้อย แต่พวกเราเคยฉุกใจคิด บ้างไหมว่า ข้อเสียของมันนั้น มหันต์กว่าข้อดีมาก ผมจะลองรวบรวมมาให้ดู

ข้อดีของการมีโทรศัพท์มือถือ

  1. ช่วยให้การติดต่อสื่อสารสะดวก, ฉับไว, ทันกาล เป็นส่วนหนึ่งของความปลอดภัย
  2. ช่วยให้การทำธุรกิจคล่องตัวขึ้น ไว้เตือนเรื่องนัดหมาย บันทึกข้อความลักษณะ organization
  3. อาจประหยัดค่าใช้จ่ายในบางรูปแบบ ถ้ารู้จักบริหารดีๆ (การทำธุรกรรม online)
  4. เอาไว้โชว์ฐานะทางสังคม
  5. เอาไว้ปาหัวสุนัข ปาหัวโจร และไว้ ถ่ายรูปเหตุการณ์ฉุกเฉินสำคัญๆ เป็นหลักฐาน

ข้อเสียของการมีระบบโทรศัพท์ มือถือ

1. ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ที่สำคัญคือ เป็นช่องทางให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถบวกค่าใช้จ่ายแบบไม่จริง เข้าไปง่ายๆ เนียนๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่ทันฉุกใจคิด หรือคิดว่าเล็กน้อย (แต่ผู้ให้บริการจะกอบโกยมหาศาลจากจำนวนผู้ใช้เป็นล้านๆ คน ต่อ 1 เครือข่ายบริการ พูดง่ายๆ ผู้ใช้ถูกปล้นโดยไม่รู้ตัว)

2. จากข้อ 1. ยิ่งผู้ให้บริการคิดหามุขใหม่ๆ ในการขายบริการได้มากแค่ไหน หมายถึงโอกาสที่จะแอบบวกค่าบริการเกินจริงยิ่งมากเป็นเงาตามตัว ยิ่งถ้าระบบสื่อสารนั้นมีความฉับไวสูง และเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลต่อนาทีได้มากแค่ไหน ยิ่งขายบริการได้มากหัว (ผู้บริโภค) ต่อนาที ให้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือยิ่งบริการนั้นเสถียร ครอบคลุมได้กว้างแค่ไหน ยิ่งยั่วใจให้ผู้ใช้บริการหลากหลายรูปแบบ มีความถี่ขึ้น และยาวนานขึ้น ผู้ขายเนื้อหา (contents) ยิ่งโกยเละ ได้แก่ผู้ขาย application, ขายเพลง, ขายหนัง, ขายดูดวง, ขายหนังสือ, ขายเกม, ขาย ring tone/ รูปภาพโป๊, wall-paper, พูดง่ายๆ ว่า สารพัดข้อมูล ยิ่งโกยไม่รู้เรื่อง จากการขาย online เหล่านี้

ชอบล่อว่า 9 บาท/นาที, แต่ขอโทษที กว่าจะติดต่อเรื่อง ถ้าเข้าถึงสิ่งที่ต้องการของเราจริงๆ เราจะถูกหลอกล่อให้เลี้ยวโน่นนี่ จนผ่านไปหลายนาที สุดท้าย แค่เพลงเดียวจ่ายหลายสิบบาท (ไม่ใช่ 9 บาท) แค่ wall paper ผมเคยจ่ายเกือบ 40 บาท (และก็ไม่ได้ด้วย) บางครั้งการสื่อสารติดขัดหรือขาดตอน ก็ต้อง “เริ่มใหม่” ไม่รู้ว่า เขียนโปรแกรมล่วงหน้าให้มันเกิดการ “สะดุด” ดังกล่าว หรือเปล่า เพื่อ “กิน” ได้ชํ้าๆ มืผู้ให้บริการหน้าไหนใจชื่อบริสุทธิ์ที่ จะกล้าคิดแบบเหมาไปเลย ถ้าไม่จบข้อมูลก็ไม่คิด จบข้อมูล (เพลง) จึงคิดเหมาตามที่ระบุไว้แต่ต้น

ค่ายเพลงหนึ่งในบ้านเรา ฐานะการเงินเริ่มง่อนแง่นหลังจาก ดำเนินนโยบายผิดพลาด แต่พอเปิดให้บริการโหลดเพลงทางมือ ถือ, อินเทอร์เน็ต ปรากฏว่า แค่ปีเดียวพลิกจากลบเป็นบวกได้เลย อะไรมันจะขนาดนั้น อย่ามาพูดว่า เพราะคนสนใจเข้ามาโหลด เยอะเยอะเท่าไรมันก็คงไม่ล้นหลามขนาดนั้น มันต้อง “โกง” ด้วย นั่นแหละ จึงจะพุงกางได้อย่างนั้น

บางเครือข่ายมือถือ หลอกล่อด้วยค่าโทรที่ดูเหมือนถูก (ต่อนาที) แต่นาทีแรกจะค่อนข้างสูง ปรากฏว่า แค่โทรออกยังไม่ติดก็ คิดเงินแล้ว แถมพูดไปนิดเดียวสายขาด ต้อง “เริ่มใหม่” (เข้าสู่คำ ว่า “นาทีแรกใหม่” อย่าลืมว่า พวกนี้เขียนจำลอง “เหตุการณ์” เหล่านี้ได้ด้วยโปรแกรมล่วงหน้า มีการล่ม ให้เหตุการณ์อย่างนี้สลับไปเกิดกับเบอร์ โน้นที เบอร์นี้ที จะได้ดูแนบเนียน)

เหล่านี้คือ เหตุผลที่ค่ายมือถือต่างๆ รวยเอาๆ แม้จะสร้างภาพการแข่งขันคิด ค่าโทรถูกลงๆ (นี่คือ การโกงมวลชนทุก ระดับชนชั้น โคตรบาปมหันต์เลย)

ไม่ต้องสงลัยเลยว่า ทำไมพวกนี้ รวมทั้ง องค์กรสื่อสารของรัฐบาลและของค่ายเพลงจึงอยากผลักดันระบบ 3G จนตัวสั่น ระริก เพราะมันจะทำให้โกงแบบนี้ได้ใน ปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม และหลากหลายวิธีการอย่างมหาศาล นอกเรื่องสักนิด พวกเราแน่ใจได้อย่างไรว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่มี การทำกันกับสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น นํ้าประปา, ไฟฟ้า ยิ่งโคตร มหาศาลเลย...!!!

3. เป็นการหลอกเอาเงินจากผู้บริโภคระดับรากหญ้า, จากเด็กวัยรุ่นที่ขาดความยับยั้งชั่งใจ ให้ใช้บริการต่างๆ ผ่านมือถือ ปัจจุบันส่งผลกระทบด้านลบไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าในเมืองหรือ ชนบท

4. ยิ่งโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนถูกลง แพร่หลายมากขึ้น ผนวกกับระบบ 3G (4G) จะยิ่งเปิดช่องให้กับแฮกเกอร์เข้ามาป่วนได้ ถนัดขึ้น ถ้าเกิดปัญหา จะเป็นปัญหาที่แพร่กระจายในวงกว้าง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน (ยิ่งกว่าวงการคอมพิวเตอร์มาก) และปัญหาจะสาหัสกว่ามาก (ลองแฮกเกอร์ป่วนเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน, ทำลายฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของคนใช้มือถือเป็นล้านๆ คน ที่แต่ละคนได้บันทึกเก็บไว้ ป่วน application ต่างๆ ที่โหลดเก็บไว้กัน ฯลฯ คิดดูว่า ลังคมจะวุ่นวายโกลาหล ขนาดไหน)

5. เอาไว้ถ่ายคลิปวิดีโอ (แอบ) สร้างความเจ็บช้ำ หมดอนาคต ให้กับคนบางคน

6. การเข้าสู่ระบบ 3G จะทำให้การสื่อสารอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ ทำได้เสถียรและฉับไวในช่องสัญญาณที่กว้างมากขึ้น สิ่งที่ ตามมาก็คือ คนจะใช้อินเทอร์เน็ตกันอย่างท่วมท้นใน “ทุกรูป แบบ” ที่ขายบริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ นั่นก็หมายความ ว่า ค่าดาวน์โหลดข้อมูลเป็นเงินมหาศาลจะถูกดึงไปสู่ต่างประเทศอย่างฉับไว รัฐบาลเองไม่สามารถควบคุมได้ ก่อให้เกิดการเสียดุลการค้าอย่างมหาศาล และคาดไม่ถึง ยากที่จะแก้ไข อีกทั้งเป็นการล้างสมอง มอมวัฒนธรรมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เข้าถึงได้อย่างน่ากลัวที่สุด ประเทศจะสิ้นชาติ สิ้นเงิน สิ้นวัฒนธรรม อย่ามาทำไขสือพูดว่า จะไต้ตามเทคโนโลยีโลกทัน เพราะประเทศเพื่อนบ้านแถวนิเขาใช้ 3G กันแล้ว ไม่ฉุกใจคิดกัน บ้างเลยหรือว่า “ใคร” ให้บริการ หรือผู้อยู่เบื้องหลัง “ใคร” คน นั้น คือใคร ถ้าไม่ใช่พวกอภิมหาอำนาจที่มีจุดมุ่งหมายซ่อนไว้ใน อันที่จะ “ล้างสมอง, ครอบงำ” ประเทศเหล่านั้น เห็นเขาต้อนควายเข้าคอก ก็คิดว่าดีอยาก (เป็นควาย) เข้าคอกบ้าง โถ..ผู้นำและนักวิชาการ วิชาเกิน วิชากินแห่งประเทศไทยทั้งหลาย (เซียมตือแท้ๆ )

จะบอกอะไรให้ การเข้าสู่ 3G, 4G ก็ เพื่ออินเทอร์เน็ตนั่นแหละ และที่สำคัญ เพื่อให้ประเทศนี้, เมืองนี้ เข้าสู่การเสพย์, การบริโภคข่าวสาร ในรูปวิทยุ, ทีวี, เคเบิล ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งคุณภาพเสถียรกว่า การดูจากเสาอากาศของมือถือมาก เพื่อต่างชาติ, พ่อค้า, นักการเมืองจะได้ “ล้างสมอง” ประชาชนได้แนบเนียน, ทั่วถึง, ยิงตรง, เป็นวงกว้างที่สุด อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยการแอบ “แทรก” ข่าวสาร, ข้อความ, รูปภาพแบบชั่วแว้บเดียวที่ตาเนื้อมองไม่ทันเห็น (เป็นเสี้ยววินาทีที่ปรากฏ) แต่จิตใต้สำนึก “เห็น, รับรู้” ได้ เป็นการฝัง (embedded) โดยผู้ดูไม่รู้ตัวุ และปฏิบัติตามหรือคล้อยตาม เชื่อตาม เพราะมันแทรกอยู่ในลิ้นชักเดียวกับ “ความเชื่อ” ของตน จะทำตาม ตอบสนองโดยอัตโนมัติ โดยไม่รู้ตัว เหมือนถูก “ยาสั่ง” ยังไงอย่างนั้น ซึ่งวิธีการนี้มีการใช้ในอเมริกามากว่า 50 ปีแล้ว และผมเชื่อว่า ปัจจุบัน มีการแอบนำไปใช้ทั่วโลก ทุกวงการ โดย เฉพาะประเทศเผด็จการทั้งหลาย (แน่นอน อเมริกาด้วย) แม้แต่ใน เมืองไทย ผมก็เชื่ออย่างลึกๆ ว่า มีการแอบใช้กันอยู่ “ทุกค่าย” นั่นแหละ ไม่ว่าสีไหน พวกสาวกถึงได้ทำกันอย่างบ้าระห่ำอย่าง ไม่เคยปรากฏกับคนไทยมาก่อน ผมเคยคุยด้วยพวกนี้ เหมือนถูก ล้างสมอง ถูกสะกดจิต เป็นหุ่นยนต์ เป็นซอมบื้ มันฝังลึกมากและ ยาวนานติดต่อกันเป็นปีๆ ผ่านระบบสื่อสาร ทีวี รถไฟฟ้า ดาวเทียม ฟรีทีวี เคเบิลทีวี ทีวีจอยักษ์บนท้องถนน ในห้างฯ ตึก ต่างๆ เป็นการยากที่จะล้างสำนึกที่ถูกฝังเหล่านี้ (คิดบ้างไหม ทำไมในอดีต สงครามกู้ชาติเขมร จึงต้องฆ่าคนทิ้งเป็นล้านๆ คน มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่) ผมจึงไม่เชื่อว่า “การปรองดอง” ที่ถูกชูเป็นประเด็นขึ้นมา ไม่ว่ามาจากค่ายไหนมันจะได้ผล ถ้ายัง “ถอน” การสะกดจิต หรือฝังความรู้ลึกดังกล่าวไม่ได้ (ผมคิดว่า วิธีถอนที่ได้ผลมีทางเดียวคือ การเกณฑ์มาเข้าค่ายนั่งสมาธิ ทั้ง สมถกรรมฐาน และวิปัสนากรรมฐาน ขุด “มัน” ออกมา และฟอก ใจด้วยปัญญาเท่านั้น พ้นไปจากนี้ เลิกคิด...!!!)

คิดในแง่นี้ ถ้าประเทศมหาอำนาจใช้วิธีนี้ผ่านอินเทอร์เน็ตใน การ “ล้างสมอง” คนทั้งโลกให้คล้อยตาม เป็นทาสพวกเขา จะ เกิดอะไรขึ้น และถ้าประชาชนถูกนักธุรกิจและการเมือง ทุกค่าย, ทุกฝ่าย, ทุกขั้ว ต่างระดมล้างสมองแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จิตใจจะ ว้าวุ่น, สับสน, เพี้ยน, ฝันร้าย, หงุดหงิด, ทำอะไรอย่างไร้เหตุผล กันขนาดไหน ไม่ต้องถามหานรกที่ไหน นรกอยู่บนโลกนี้แหละ (ดู เหมือนจีนจะรู้ท้น จึงฉะกับเครือข่าย google อยู่)

7. การต้องเสียบหูฟังจากมือถือ (เพลง ฯลฯ) และการเอาแต่เพ่งมองตัวหนังสือเล็กจิ๋วจากจอมือถือ (เล่นเกม, ดูแผนที่, อินเทอร์เน็ต, e-book ฯลฯ) คาดได้เลยว่า ต่อไปประชากรทั่วโลกจะ “หูเสีย” และ “ตาเสีย” เพิ่มจำนวนมหาศาล

8. การต้องถูกขย่มด้วยคลื่นความถี่สูงแช่ประจำจากมือถือ จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลงเรื่อยๆ อัตราคนที่จะตายด้วยมะเร็งจะพุ่งทะยาน แม้ตัวคลื่นเองไม่ได้ทำร้ายต่อร่างกายด้วยโดยตรงดังที่ผลิตมือถือ และวงการมือถือพยายามพิสูจน์ในแนวนั้น (ทำร้ายโดยตรง) แต่แทบไม่มีใครรับปากเลยว่า มันจะไม่มีผลทางอ้อม ทั้งต่อการเป็น “สายล่อฟ้า” เหนี่ยวนำคลื่นอันตรายอื่นๆ มาทำลายสุขภาพ หรือตัวมันเองลดภูมิคุ้มกันของร่างกายลง ที่สวีเดนมีผู้ป่วยจากโรคความอ่อนไหวยิ่งยวดต่อคลื่นความถี่สูง สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีอาการชักดิ้นชักงอหายใจไม่ออก กว่า สองแสนกันแล้ว ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มีอยู่ทุกเพศทุกวัย ทุกสาขา อาชีพ พวกเขาต้องหลบลี้หนีหายไปอยู่ตามป่าเขาเพื่อให้ห่างจาก เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง เครือข่ายสื่อสาร ทุกรูปแบบ (เสาส่งต่างๆ) ต้องกินอยู่แบบคนถ้ำกันแล้ว เชื่อว่า จริงๆ แล้วจำนวนผู้ป่วยในลักษณะนี้น่าจะเพิ่มขึ้นทุกนาที เป็นแต่ว่าปกปิดกันไว้ เนื่องเพราะกลัวคนจะแตกตื่น อันจะส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมการสื่อสารที่ปัจจุบันรัฐบาลแต่ละประเทศมองว่า เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง

ผมเชื่อว่า จำนวนผู้ป่วยตังกล่าว จะพุ่งทะยานขึ้นแบบพุ่ง พรวดทวีคูณ หรือแบบ exponential ตามปริมาณการใช้โทรศัพท์ มือถือที่พุ่งพรวดพราดในลักษณะเดียวกันนี้ ใครจะรู้ ถ้าสำรวจกัน จริงๆ อย่างต่อเนื่องมากระทั่งวันนี้ จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าว (EHS) อาจทะยานเป็นหลายสิบล้านคนแล้วก็ได้

ขั้นต่อไปก็คือ เด็กรุ่นต่อไปจะมีโอกาส “กลายพันธุ์ (muta­tion)” เนื่องจากร่างกายพยายามปรับตัวเพื่ออยู่รอด และจะปรับตัวเองให้มีขนาดเล็กลงสอดรับกับคำพยากรณ์ทางพุทธศาสนาที่ว่าคนจะตัวสูงแค่เมตรเดียว (ประมาณนั้น)

9. มือถือจะทำให้การแพร่กระจายข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ต (เช่น facebook, YouTube ฯลฯ) เป็นไปอย่างฉับพลันทันที กินวง กว้างจนยากแก่การควบคุม การใส่ร้ายป้ายสีกัน จะฆ่าคนหรือธุรกิจได้แค่ชั่วข้ามคืน จะมีการเขียนโปรแกรมหลอกเพื่อสร้างการแพร่กระจายนี้โดยตรง สิ่งนี้จะทรงอิทธิพลต่อการเมือง, การตลาด อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นักการเมือง, นักแสดง, ดารา, นักบุญ, องค์กรธุรกิจ, บริษัท, ห้างร้าน หมดอนาคตได้แค่ชั่วข้ามคืน สื่อกระแสหลัก ไม่ว่า วิทยุ, ทีวี, สื่อ สิ่งพิมพ์ จะไร้ความหมาย

10. การใช้โทรศัพท์มือถือกัน มากๆ ในทุกรูปแบบ ว่างๆ ก็เล่น เกม, ฟังเพลง, ดูทีวี, เข้าอินเทอร์เน็ต, โหลด wall-paper, ระบบนำทาง GPS ฯลฯ ลองคิดดูว่า “ขยะเครื่อง, ขยะ แบตเตอรี่” จากเครื่องพกพาเหล่านั้นจะ กองสูงเป็นภูเขาเลากาแค'ไหน และยากต่อการกำจัดย่อยสลายทิ้งแค่ไหน ผมเชื่อว่าโลกไม่พร้อมที่จะรองรับปัญหานี้แน่ๆ จะมีการ “ลักลอบ” นำขยะเหล่านี้แอบไปทิ้ง, ฝัง, กลบ ตามประเทศต่างๆ อย่างที่ประเทศมหาอำนาจแอบเอาขยะนิวเคลียร์จำนวน มหาศาลไปฝังทิ้งในกลุ่มประเทศแถบ ตะวันออกกลางขณะที่กำลังทำสงครามกันอยู่ (เพื่อบังหน้า) มหาอำนาจเหล่านี้จึงไม่ ยอมยุติสงคราม

11. การฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือ แม้ใช้หูฟังแบบแยงรูหู แต่ถ้าคุณภาพตํ่ามากๆ ประเภทไม่กี่สิบบาท หรือร้อยกว่าบาท หรือ ที่แถมมากับมือถือ มักผนึกเสียงได้ไม่ดีเท่าที่ควร จะส่งเสียง รบกวนคนข้างเคียงได้ น่ารำคาญเอามากๆ อาจก่อให้เกิดปาก เสียงต่อกันได้

12. ปัจจุบันผู้ใช้มือถือมักเสพย์ติด “โลกส่วนตัว” กับการเล่น เกม, ฟังเพลง, ดูหนัง, ดูรูปภาพจากมือถือผ่านหูฟังสเตอริโอ โดย ไม่สนใจคนรอบข้าง ใครจะเป็นจะตาย “กู” ไม่สนใจ กูขออยู่กับ ตัวกู มนุษย์จะขาดปฏิสัมพันธ์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อัตตาตัว ตนจะยิ่งสูงขึ้น คงมีสักวัน ฟังเพลงเพลิน รถไฟจะวิ่งมาชน คน ตะโกนเตือนก็ไม่ได้ยิน...ตายโหงฟรี (สำบากคนอื่นอีกที)

สรุป

ผมเชื่อว่า ถ้ามีการทำสำรวจอย่างโปร่งใสบริสุทธิ้ ถึงการใช้ มือถือของประชาชนทั่วโลก เราจะพบว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์จะใช้ มือถือกันอย่างไร้สาระ มีแค่ประมาณไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้ เพื่อการสื่อสารจริงๆ อีกประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อการแสวงหา ข้อมูลความรู้จริงๆ จึงเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ที่ทำให้ผู้ให้บริการข้อมุล ข่าวสารกอบโกยจนรารวยมหาศาลทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นบนความสูญ เสียอย่างเกินประมาณของโลก และมวลมนุษยชาติทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต ถ้างูคือสิ่งชั่วร้ายต่ออดัมและอีฟในพระคัมภีร์ ไบเบิล อินเทอร์เน็ตก็คืองูร้ายต่อมวลมนุษยชาติในปัจจุบันนั่นเอง ถ้าคุณเชื่อใน “พลังจิต” ถ้ามืข่าวสารที่สำคัญระดับ “ช็อกโลก” และมนุษย์นับร้อยๆ ล้านคนได้ข่าวสารนั้นพร้อมๆ กัน (ทางมือถือ หรือผ่านอินเทอร์เน็ตมือถือ) กระแสจิต (ความตื่นตระหนก) หนึ่ง เดียวของคนนับร้อยๆ ล้านคนย่อมดึงดูดคนอีกนับพันล้านคน และอาจรวมพลังมากพอที่จะส่งผลร้ายต่อสนามแม่เหล็กโลกได้ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของวันสิ้นโลก...!!!

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459